ลุ้นแชมป์เต็มตัว ลิเวอร์พูล สร้างความหวังให้กับสาวก “เดอะ ค็อป” ได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้เต็มตัว

ลุ้นแชมป์เต็มตัว ลิเวอร์พูลสร้างความหวังให้กับสาวก “เดอะ ค็อป” ได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้เต็มตัว หลัง “หงส์แดง” บุกชนะ อาร์เซน่อล2-0 ถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในเกมลีก ทำให้ตอนนี้พวกเขาตามหลัง แมนเชสเตอร์ซิตี้

จ่าฝูงเหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้น ขณะที่เจ้าบ้านแม้จะแพ้ในเกมนี้ แต่ก็ยังยึดอันดับ 4 ต่อไปและยังเหลือเกมในมืออีกสองแมตช์ ฉะนั้น “ปืนใหญ่” ยังคงได้เปรียบทีมอื่นๆที่กำลังลุ้นท็อปโฟร์ คล็อปป์กระตุ้นทีม-ปรับหมากเด็ด

ครึ่งแรกสาวก “เดอะ ค็อป” รู้สึกได้เลยว่าลิเวอร์พูล เล่นได้อึดอัดมากๆ แทบไม่สามารถกดดัน อาร์เซน่อลได้เลย แถมยังโดนเจ้าบ้านไล่กดไล่เพรสซิ่งจนเสียกระบวนหลายครั้ง ช่วงพักครึ่ง คล็อปป์ จัดการแก้เกมได้ดีเยี่ยม

โดยมีความเป็นไปได้ที่จะทำการกระตุ้นลูกทีมแบบจัดหนักจัดเต็มในห้องแต่งตัว เพราะพอลงมาเล่นในช่วง 45 นาทีหลัง บรรดานักเตะ “หงส์แดง” วิ่งสู้ฟัดทุกตำแหน่ง จนทำให้ “ปืนใหญ่” เล่นไม่ออก แถมการส่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงมาในตอนที่ทีมขึ้นนำ

ยิ่งทำให้ทีมเยือนสามารถวิ่งไล่กดดันจนทำให้เกมของ อาร์เซน่อล ปั่นป่วน และสุดท้ายก็โดนยิงประตูที่สอง ฉะนั้นชัยชนะในเกมนี้ต้องยกเครดิตส่วนหนึ่งให้กับ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ที่กระตุ้นลูกทีม และปรับหมากจนทำให้ “เดอะ เร้ดส์” แสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นในแมตช์นี้

ที่สำคัญแฟนบอล “หงส์แดง” คงแฮปปี้สุดๆ ที่ได้เห็นสามประสาน “หินเหล็กไฟ” (SMF) กลับมาลงสนามพร้อมกันอีกครั้งในช่วงครึ่งหลัง และนี่คงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะได้เห็นเกมบุกอันเฉียบคมของทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น

อลีสซง, ติอาโก้ จุดเปลี่ยนของเกม สำหรับฟอร์มการเล่นของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ในช่วง 45 นาทีแรก ต้องบอกเลยว่าไม่ค่อยได้ทำงานมากนัก เพราะเกมส่วนใหญ่จะสู้กันในแดนกลาง แม้ว่า อาร์เซน่อล จะสร้างความหวาดเสียวได้มากกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เขาต้องออกแรงเซฟอะไรมากนัก

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ในช่วงครึ่งหลังจากความผิดพลาดของ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ที่ส่งคืนหลังไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำให้ อเลซ็องเดร์ ลากาแซตต์ ได้โอกาสครองบอลในเขตโทษ แต่ อลีสซง พยายามเข้าไปพัวพันทำให้ไม่สามารถยิงประตูได้ และต้องส่ง มาร์ติน โอเดการ์ด

กระนั้น นายด่านชาวบราซิเลียน รีบเข้ามาบีบจังหวะทำให้ ดาวเตะชาวนอร์เวย์ ต้องรีบยิงสุดท้ายก็ติดแขนเจ้าตัวออกไป ต้องบอกว่านี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญมากๆ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่นาที ติอาโก้ สามารถแก้ตัวได้ด้วยการแอสซิสต์ให้ ดีโอโก้ โชต้า ซัดประตูขึ้นนำ

ลุ้นแชมป์เต็มตัว ซึ่งเป็นจุดพลิกผันของเกมนี้เลยก็ว่าได้ แถม มิดฟิลด์ชาวสแปนิช ยังมีส่วนในจังหวะที่ทีมได้ประตูที่สองด้วย ดังนั้นถือว่า ติอาโก้ สามารถแก้ตัวได้สำเร็จ เพราะหากเกมนี้ทีมต้องแพ้จากการเล่นไม่ระวังของเขา คงได้นอนไม่หลับไปหลายคืนแน่นอน ข่าวแมนยู

ลุ้นแชมป์เต็มตัว

จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ในช่วงครึ่งหลังจากความผิดพลาดของ ติอาโก้ อัลกันทาร่า

ลุ้นแชมป์เต็มตัว มาร์ติเนลลี่ กด เทรนต์ จนเล่นไม่ออก ถ้าจะหาผู้เล่นของ อาร์เซน่อล คนไหนที่ฟอร์มโดดเด่นที่สุด งานนี้ทุกคนเลือก กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เพราะฟอร์มของนักเตะยอดเยี่ยมมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องความเร็ว, การเลี้ยงบอล และการหาพื้นที่ว่าง ต้องยอมรับว่าวันนี้เจ้าหนูบาร์ซิเลียนทำได้ดีมากๆ

ฟอร์มของเขาเล่นงาน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จนเปิดตำราตั้งรับแทบไม่ทัน มีหลายจังหวะที่บอลมาถึง มาร์ติเนลลี่ เมื่อไหร่เขาสามารถกระชากบอลหนี “หนุ่มเทรนต์” ได้ตลอด แถมยังมีจังหวะโชว์เทพหลอกแบ็กขวาจอมแอสซิสต์ ตามด้วยแตะบอลลอดขา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

แต่เดชะบุญที่เปิดบอลเข้ากลางไม่ดีทำให้โดนแนวรับทีมเยือนเคลียร์ออกไปได้อย่างหวุดหวิด อย่างไรก็ตาม การที่ต้องรับบทหนักในเกมรุกของทีมทำให้ มาร์ติเนลลี่ ใช้พลังงานเยอะมาก จะเห็นได้ว่าช่วง 10 นาทีสุดท้าย เขาไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย เพราะไม่เหลือพลังก๊อกสอง

แน่นอนว่าผลงานของเขาในเกมนี้ถือว่าเป็นอนาคตที่ดีของ อาร์เซน่อล แต่ต้องปรับเรื่องการใช้พลังงานโดยเปล่าประโยชน์ เพราะไม่อย่างนั้นจะหมดแรงในช่วงท้ายอย่างที่เห็น แบ็กโฟร์สุดแกร่ง สามคะแนนในแมตช์นี้ต้องบอกเลยว่าได้มาจากการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่นของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โฌแอล มาติป

โดยทั้งสองคนเล่นไม่มีข้อผิดพลาดเลยในการจัดการกับ ลากาแซตต์ และบล็อกไม่ให้แดนกลางของ อาร์เซน่อล มีโอกาสได้เก็บบอลจังหวะสอง นอกจากนี้ทั้งสองคนยังจัดการลูกกลางอากาศได้หมด รวมทั้งในจังหวะเติมเกมรุก มาติป ยังช่วยพาบอลเข้าไปในแดนของ “เดอะ กันเนอร์ส”

เพื่อสร้างโอกาสให้ทีม ส่วน ฟาน ไดค์ จะทำได้ดีในการเล่นลูกเตะมุม ลุ้นแชมป์เต็มตัว ซึ่งเกือบได้ประตูในช่วงต้นครึ่งแรกด้วย ขณะที่แบ็กขวาคงต้องยอมรับว่าวันนี้ เทรนต์ โดนทดสอบเรื่องเกมรับมากกว่าเกมรุก เพราะเขาต้องสู้กับนักเตะที่เต็มไปด้วยทักษะและความคล่องตัวสูงอย่าง มาร์ติเนลลี่ ตลอดทั้งเกม

แน่นอนว่านี่คือบทเรียนที่ แบ็กขวาเลือดผู้ดี จะต้องเรียนรู้ในการรับมือกับนักเตะที่มีทักษะสูงแบบนี้ สำหรับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ต้องบอกว่ารักษามาตรฐานความยอดเยี่ยมได้คงเส้นคงวาจริงๆ เกมนี้เขาสามารถจัดการกับ บูกาโย่ ซาก้า อยู่หมัดจนทำให้ ดาวรุ่งพุ่งแรงความเร็วสูงทีมชาติอังกฤษ เล่นไม่ออก

ที่สำคัญในการเติมเกมบุกก็น่ากลัว เรื่องความขยันก็สุดยอด เพราะจังหวะได้ประตูที่สอง เขาแย่งบอลมาก่อนแอสซิสต์ให้ ฟีร์มีโน่ ซัดประตูย้ำชัยชนะ ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเต็มตัว ตอนนี้คงไม่ต้องปกปิด หรือมานั่งเก๊กทำท่าปฏิเสธเรื่องโอกาสในการคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้กันแล้ว

เพราะชัยชนะในแมตช์นี้ทำให้ ลิเวอร์พูลไล่บี้แบบหายใจรดต้นคอ แมนเชสเตอร์ซิตี้ เหลือแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ที่สำคัญดูเหมือนโมเมนตัมจะเข้าทาง “เดอะ เร้ดส์” ซะด้วย เพราะมีหลายเกมที่ “เรือใบสีฟ้า” เล่นด้วยความกดดันจนทำให้ทำผิดพลาด ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองทีมมีคิวต้องปะทะกันในช่วงเดือนเมษายนนี้

ซึ่งเป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นแมตช์ตัดสินแชมป์ลีกก็ได้ กระนั้นสิ่งสำคัญในเวลานี้ก็คือ แมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล ต้องห้ามสะดุดเด็ดขาด เพราะหากทีมใดทำแต้มหลุดมือ งานนี้อาจจะเสียศูนย์จนทีมเป๋เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ทั้ง คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงกำชับลูกทีมต้องเล่นอย่างมีสมาธิ

ลุ้นแชมป์เต็มตัว และห้ามกดดันจนตัวเองทำผิดพลาด ส่วนในเรื่องการลุ้น 4 แชมป์ของ “หงส์แดง” ตอนนี้อาจจะค่อนข้างไกลเกินฝันไปซะหน่อย แต่ในเมื่อทีมยังอยู่ในเส้นทางความสำเร็จทุกรายการ หากจะเก็บเอาไว้ฝันบ้าง ก็ไม่ผิดอะไร จริงไหม !!! โอกาสเก็บชัย