ยุคของรังนิก ปรับระบบการเล่นของทีมได้อย่างน่าประทับใจ

ยุคของรังนิก ราล์ฟ รังนิก โค้ชคนใหม่ของ ปีศาจแดง เริ่มต้นประเดิมงานใหม่ได้ไม่เลวเมื่อพา ผีแดง สยบ คริสตัล พาเลซ ได้ 1-0 เก็บสามแต้มได้เรียบร้อยโรงเรียน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยการใช้งาน 11 ขุนพลชุดเดิมจากนัดเฝ้าบ้านเอาชนะ ปืนใหญ่ 3-2

แม้จะต้องรออยู่นานถึงนาทีที่ 77 กว่าจะหักปีก อินทรีผงาดฟ้า ได้ แต่จากภาพรวมนายใหญ่ชาวเมืองไส้กรอก ปรับระบบการเล่นของทีม ได้อย่างน่าประทับใจ ผิดไปจากเดิมชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ไวจ์นัลดุมก้นด้าน

ยุคของรังนิก

ในฐานะที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าตำรับ เกเก้นเพรสซิ่ง รังนิก จึงมีนิคเนม มอนสเตอร์ เพรสซิ่ง หลังย้ายมารับงานในเมืองผู้ดีกับ ปีศาจแดง

ทั้งๆที่คุมทีมลงซ้อมได้แค่หนเดียวก่อนนัดบู๊กับ อินทรีผงาดฟ้า แต่เท่าที่เห็นปีศาจแดง มีแนวทางการเล่นแบบใหม่ผิดไปจากเดิมทั้งในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และต่อด้วยนายใหญ่ขัดตาทัพอย่าง ไมเคิ่ล คาร์ริค

นั่นคือ อสูรแดง ไม่เสียชื่อที่เป็นทีมยักษ์ใหญ่ และกลับมาครองบอลกดดันรุกไล่ ใส่ฝ่ายตรงข้ามได้อีกครั้งซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าขุนพล เร้ด เดวิลส์ ซึบซับปรัชญาของโค้ช คนใหม่ได้เร็วเกินคาด

ดังจะเห็นได้ว่าปีศาจแดง เปิดฉากเพรสใส่ทีมเยือนตั้งแต่ต้น และเล่นกันเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้นจนมีโอกาสผ่านบอล ทำชิ่ง ต่อนัดกันได้อย่างไหลรื่น ผิดไปจากเดิมที่นักเตะแต่ละรายยืนประจำตำแหน่งกันแบบห่างๆ จนแทบประสานงานกันไม่ได้เลยในจังหวะบุกใส่คู่แข่ง และมันบ่งบอกออกมาจาก สถิติตัวเลขหลังจบ 90 นาทีว่าปีศาจแดง ครองบอลได้มากถึง 61.2%

พร้อมกันนี้ ผีแดง ยังมีโอกาสส่องยิงมากถึง 16 ครั้งอีกด้วย แม้จะเข้ากรอบแค่ 3 หนก็ตามซึ่งเป็นสิ่งที่ รังนิก จะต้องหาทางปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ทีมใหม่ของเขามีความสมบูรณ์ แบบมากขึ้นในทุกๆจุด

จากการทำสัญญากับทีมดังของ พรีเมียร์ลีก รังนิก จะรับหน้าที่คุมทีมแบบชั่วคราว ไปจนจบซีซั่นนี้เท่านั้น ยุคของรังนิก

และจากนั้น เขาจะหันไปนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาของ โรงละครแห่งความฝัน อีกสองปีซึ่งหมายความว่าบอร์ดของปีศาจแดง จะต้องมองหาโค้ชใหม่อีกรอบ หากแต่เมื่อดูการคุมทีมของเขาในนัดเปิดตัว เชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอลปีศาจแดง ส่วนใหญ่ประทับใจระบบการเล่นที่เขานำมามอบให้กับทีม

 

มีแนวทางการเล่นแบบใหม่ผิดไปจากเดิมทั้งในยุคโซลชา

ออกจะน่าเสียดายอยู่นิดที่จังหวะสุดท้ายของ ผีแดง ไม่ลงตัวเท่าที่ควร และส่งบอลเข้ากรอบได้แค่ 3 หนซึ่งเปลี่ยนเป็น 1 ประตูจากโอกาสส่องยิงทั้งหมด 16 ครั้ง

แต่ยังไงซะก็ต้องถือว่า โค้ชด๊อยทช์เริ่มต้นได้สวย นำเอาแนวทางของเขามามอบให้กับทีมได้ แถมเจ้าตัวเคยเปรยเอาไว้เหมือนกันว่ามีโอกาสคุมทีมต่อในซีซั่นหน้า

แล้วอย่างนี้ ผู้บริหารทีม ผีแดง จะมัวเสียเวลามองหนนายใหญ่คนใหม่ต่อทำไมอีก ในเมื่อปรมาจารย์จอมเก๋าพร้อมรับหน้าที่ คุมทีมต่อแบบยาวๆภายใต้สัญญาถาวร

นอกจากจะคุมทีมเก็บสามแต้ม ได้ในนัดแรกของเขากับปีศาจแดง รังนิก ยังกำกับให้นักเตะเล่นนัดเพรสซิ่งได้เช่นกันอันเป็นสิ่งที่ โซลชา ทำไม่ได้จนต้องโดนปลดหลังคุมทีมย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง

ยุคของรังนิก

แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คลีนชีต ซึ่งโค้ชจากเมืองเบียร์เน้นย้ำมากเป็นพิเศษหลังพาทีมเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ได้สำเร็จ

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะมันเป็นจุดอ่อนของทีม ที่อดีตโค้ชชาวนอรเวย์แก้ไม่ตก ปล่อยให้ผีแดง ซึ่งมีนัดรับที่หละหลวมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเสียประตูอย่างมหาศาล

ลองเป็นอย่างนี้ ดาบิด เด เคอา จึงโดนส่องยิงนัดละนับครั้งไม่ถ้วน แถมต้องเดือดร้อนให้ดาวยิงอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สวมบท เดอะ แบก ยิงประตูพาทีมเอาตัวรอดบ้าง คว้าชัยบ้างผสมปนเปกันไป

จนในที่สุด การคุมทีมของรังนิก นัดแรกก็ทำให้ปีศาจแดง เก็บคลีนชีตนัดเหย้าของ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้เป็นนัดแรกได้สำเร็จเช่นกัน ยุคของรังนิก

และเขาตั้งเป้าว่ามันจะมี คลีนชีต นัดต่อๆไปซึ่งรังนิก ต้องการให้ปีศาจแดง ยกระดับให้ได้แบบนั้นหลังจากผีแดง มีผลงานเล่นในบ้านที่แสนจะเลวร้าย เสียประตูทุกรายการมากถึง 15 นัดซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ปี 1959

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังแพ้นัดเหย้าในปีนี้มากถึง 7 นัดซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปีที่ทีมมีตัวเลขที่ย่ำแย่แบบนี้ นับตั้งแต่ย้ายมาจากทีม ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ในปี 2018 เฟร็ด แทบไม่เคยสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอล ปีศาจแดง เลยนอกจากได้รับเสียงติติง

ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่ดูด้อยกว่าแข้งแซมบ้าทั่วไป และไหนยังจะเล่นได้อย่างกระโดกกระเดก ไม่สมกับได้ติดเป็นขุนพลตัวจริงของทีมใหญ่อย่าง ปีศาจแดง แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ดี ถึงชั่วโมงนี้เหมือน เฟร็ด จะถูกผีเข้าเต็มๆเนื่องจาก เขาเล่นได้อย่างโดดเด่นผิดหูผิดตา และมีบทบาทกับนัดมากขึ้นอย่างน่าใจหาย

จากนัดก่อนที่บุกตะลุยได้ดีจนทำให้ ปีศาจแดง ได้ลูกโทษเอาชนะ ปืนใหญ่ มาคราวนี้ เฟร็ด รับบทฮีโร่ด้วยตัวเองกับการยิงประตูโทนระยะ 22 หลาพา ผีแดง เก็บสามแต้มจาก คริสตัล พาเลซ ได้ในท้ายที่สุด ข่าวแมนยู